• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ปูนปั้น

8 สิ่งที่ได้ทราบ จากการเป็นผู้รับจ้างมาครึ่งชีวิต

Started by Chanapot, April 06, 2023, 01:30:39 AM

Previous topic - Next topic

Chanapot

1. เพราะเหตุว่าเรามิได้เกิดขึ้นมาเพื่อดำเนินงานอย่ างเดียว

เรามิได้ปฏิบัติงานแล้วแฮปปี้ทุกๆวัน หลายคราที่พวกเรากลับไปบ้ า นแล้วอย ากจะลาออกมันซะเดี๋ยวนั้น แต่ว่าหากพวกเรามีเป้าหมายอื่นๆในชีวิต เป็นต้นว่า วิ่งมาราธอน, ปลูกต้นไม้ และยังรวมไปถึงต่อ ป.โท

การเปลี่ยนโหมดมาทำเรื่องที่พวกเราชอบจะทำให้ร่าเริงแจ่มใสขึ้น และ เพิ่มความมั่นใจ ด้วยเหตุว่าการเฟลจากที่ปฏิบัติงานโดยมากมักทำให้พวกเราเสียกำลังใจ และก็ขาดความเชื่อมั่นในตนเองในตนเอง สำหรับเรามันมีผลถึงการเข้าสังคม การตัดสินใจในเรื่องงาน แล้วก็ อีกเพียบเลย


ยกตัวอย่ าง... มีเพื่อนคนนึงชอบตัดเย็บเสื้อผ้ามาก จริงจังขนาดลงคอร์สเรียนเส า ร ์อาทิตย์ ปัจจุบันนี้ดำเนินงานประจำไปด้วย ตัดเสื้อผ้าขายไปด้วย จวบจนกระทั่งตอนนี้เปิดร้านขายออนไลน์สร้างเป็นอาชีพเสิรมที่มีรายได้มากกว่างานประจำไปละ

2. หัวหน้าก็คนนะ.. ทราบยัง

สำหรับมนุษย์เงินเดือนตัวจ้อยอย่ างพวกเรา สิ่งที่พวกเราเคารพยกย่องที่สุดในสถานที่ทำงานก็น่าจะหนีไม่พ้นนายจ้าง ผู้ที่เป็นหัวหน้างานเองก็มีนิสัยต่างๆนาๆ อย่ างตัวเราเคยเจอทั้งที่แบบขึ้นชื่อว่าโ ห ด สุดๆทำงานมาก ไปจนกระทั่งวันๆไม่ทำการทำงาน คอยสั่งคนโน่นครั้งคนนี้หน แต่ว่าพอใช้ดูดีๆเราก็พบว่า เฮ้ย หัวหน้าก็คนนี่หว่า

แต่ว่าคนๆนี้มันจะมาบ่นว่าขี้เกียจตื่น หรือโดนนายสั่งงานเยอะมิได้ยังไง เพราะอะไรน่ะหรอ นอกเหนือจากการที่จะโดนหัวหน้าของเค้าเองเขม่นแล้ว ลูกน้องก็ยังจะไม่ให้ความเคารพนับถือด้วย หนำซ้ำบางทีก็อาจจะระรานกันเสียระบอบการปกครองทั้งทีม


หากให้ชี้แนะก็อย ากจะบอกว่าพย าย ามรู้เรื่องเค้าดียิ่งกว่าว่าเค้าก็เป็นมนุษย์อย่ างเราๆนี่แหละ เป็นคนดีบ้ า งคนอัลธพาลบ้ า ง นิสัยก็ต่างกันบ้ า งคือเรื่องธรรดา อย่ าเห็นว่าพวกเรากับเค้าอยู่คนละขั้วกัน อย ากให้ดูในมุมที่ว่าถ้าเราไม่ทำงานให้เค้า เค้าจะเอางานตรงไหนไปส่งละ จริงๆหัวหน้าเลิกงานก็อย ากกลับบ้ า นไปเจอครอบครัว

มิได้อย ากอยู่มืดค่ำๆให้คนที่บ้ า นเป็นห่วงหรอก เวลาว่างก็มิได้อย ากดำเนินการ ก็อย ากไปเที่ยวเช่นเดียวกันนั่นแหละ แต่เพียงแค่ออกหน้าพูดมากแบบเรามิได้ ตำแหน่งมันค้ำคอ ลองนึกดู

เพียงแค่พวกเรานำเสนองานกับหัวหน้าก็เกร็งจะแ ย่ นี่เค้าต้องเอางานพวกเราไปพรีเซนเทชั่นกับหัวหน้าฝ่าย หรือ CEO ลูกน้องใครกันแน่ที่ช่วยแบ่งเบาภาระเค้าได้เยอะแยะ เค้าก็จะรักคนนั้นเป็นธรรมดา

3. อย่ าเชื่อมั่นในตัวเองเกินไปในโลกอินเตอร์เน็ต

คนไม่ใช่น้อยเชื่อว่าโลกโซเชียลเป็นพื้นที่ส่วนตัว จะโ พ ส ต์ อะไรมันก็สิทธิ์ของเรา แม้กระนั้นรู้รึเปล่าว่า HR สมัยปัจจุบันนอกเหนือจากการที่จะดู resume เราแล้ว ยังมองเ ฟ ส บุ ค ของพวกเราด้วย เพื่อนพ้องพวกเราที่เป็น HR รับรองมาว่า Social media บอกความเป็นตัวตนที่แท้จริงของพวกเราได้มากกว่า Resume เป็นสิบเท่า เห็นไหมว่าตัวตนบนโลกออนไลน์

ของพวกเรานั้นมีผลกับเราตั้งแต่ก่อนเข้างานซะอีก เมื่อเราเป็นพนักงานประจำสุดกำลัง เรื่องพวกนี้ยิ่งต้องระมัดระวัง อย่ างพวกเราเป็นไม่แตะเฟสบุ้คเลย หรือถ้าจะโ พ ส ต์ /แ ช ร์อะไร ก็คิดแล้วว่าถ้าหัวหน้ามาเห็นก็ช่างเถิด


หากอย ากมีพื้นที่ส่วนตัวจริงๆแนะนำให้แยกเฟสที่ทำงาน กับ เฟสส่วนตัวเลย แล้วปิดสาห้วยที่พด้วย เพราะว่า ส่วนมากคนในที่ทำงานเค้าก็ขอแอดกันอยู่แล้ว ยิ่งเรื่องดราม่าในสถานที่ทำงาน คนนั้นคนนี้ เบื่องาน หัวหน้างั่ง ห้ามโ พ ส ต์ เด็ดขาด โ พ ส ต์ ปุ้บมีคนแคปปั้บแน่นอน...!! เตือนแล้วนะ

4. โฟกัสที่ทางวิ่งของเรา สนใจ เอาใจใส่ แม้กระนั้น... อย่ าเก็บทางวิ่งคนอื่นมาอิจฉา

ช่วงปีที่ผ่านมาก่อนหน้านี้ เพื่อนพวกเราคนไม่ใช่น้อยเริ่มศึกษาต่อ สร้างครอบครัว บางคนเปลี่ยนแปลงงานไปงานที่ค่าตอบแทนรายเดือนสูงสุดๆบางบุคคลเริ่มธุรกิจของตน บางครั้งบางคราวพวกเราเลื่อนดูหน้าเฟสและก็แอบคิดนะว่า เฮ้ย...!! คนนั้นคนนี้ได้ดี แล้วตัวเราล่ะทำอะไรอยู่ แต่บอกเลยว่าชีวิตพวกเขาก็ไม่ได้ดีมากกว่าเราหรอกเผลอๆเพื่อนพ้องหลายท่านบางทีก็อาจจะกำลังอิจฉาริษยาชีวิตพวกเราอยู่ก็ได้

เคยมีคนเดินมาบอกพวกเราว่าแหม ชีวิตดีจังนะ... เป็นตัวเราเองก็ไม่ได้คิดเลยว่าชีวิตเราดี สิ่งที่เราคัดกรองโ พ ส ต์ ลงโซเชียลนั่นแหละที่ดี ต้องจดจำไว้ว่าอย่ าเอาจังหวะชีวิตของพวกเราไปเปรียบเทียบกับผู้อื่น

โฟกัสที่ทางวิ่งของพวกเรา รู้ว่าเรากำลังจะทำอะไร ทราบดีว่าจุดหมายเราปรารถนาอะไร ทราบว่าวันนี้พวกเราประพฤติดีกว่าเมื่อวานแล้วหรือยัง ก็เพียงพอแล้ว แอบดูทางวิ่งบุคคลอื่นบ้ า งเป็นบางครั้ง เพื่อเป็นแรงก ร ะ ตุ้ น ให้พวกเราเป็นจริงเป็นจังกับชีวิตเพิ่มมากขึ้น แม้กระนั้นอย่ าเก็บมาตั้งใจจนกระทั่งเป็นทุกข์เป็นร้อนพอเพียง

5. เล่นการเมืองกับทุกคน

ประเดี๋ยวก่อน...!! อย่ าพึ่งตระหนกตกใจไป.. เล่นการเมืองกับทุกคนมิได้แสดงว่า ให้เราไม่ต้องจิรงจิตใจกับคนไหนกัน แม้กระนั้น... แปลว่า " พวกเราไม่ใฝ่ใจฝ่ายใด " อย่ างที่รู้กันว่าในสถานที่ทำงานหลายๆที่

มีการเล่นพวกเล่นพ้อง หรืออยู่ๆก็จะมีเสียงแว่วมาว่า คนนี้เด็กคนนั้น ซึ่งจากการเฝ้าสังเกตุมาเป็นระยะเวลา 3 ปี พบว่าผู้ที่เล่นการเมือง (มากๆ) โดยมากปราศจากความสุข ยิ่งพวกที่ตำแหน่งโตๆแม้กระนั้นเล่นเค้าไว้เยอะแยะนี่ห้ามเพลี่ยงพล้ำเลยนะ มีคนรอซ้ำเยอะเลย


" เล่นการเมืองกับทุกคน " ในความหมายนี่คือ... การที่เรามองว่าคนนี้เป็นคนอย่างไร จะเข้ากับเขาได้อย่ างไร ไม่ได้กล่าวว่าให้สตอเบอร์ปรี่ หรือ ฝ่าฝืนตัวเอง แม้กระนั้น... แต่ละคนเขาก็มีพื้นฐานนิสัย ความชื่นชอบ

โตมาในสังคมที่แตกต่างกัน การที่พวกเราดูแล้วทราบว่าจะ " อยู่ร่วมกับเขาแบบเป็นมิตร " ได้อย่ างไรจะมีผลให้พวกเราเป็นต่อมากๆนอกเหนือจากวางตัวง่ายแล้ว พวกเราจะไม่มีศั ต รู เคสนี้รวมทั้งบางบุคคลที่ดูแล้วไม่ถูกจริตกัน

การวางตัวกับเขาก็คือเฉยๆทักสวัสดีตามมารย าท ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องไปคุยก็ไม่ต้องคุย... พวกเราไม่เคยทราบหรอกว่าวันนึงโลกจะเหวี่ยงพวกเราเข้าไปปฏิบัติงานกับใคร ด้วยเหตุดังกล่าว อย่ าสร้างศั ต รู เด็ดขาด ถึงไม่ได้ร่วมงานกันในบริษัทนี้ แต่ว่าในอนาคต อาจได้วัวรจรมาร่วมงานกันในที่ใหม่ๆก็ได้

6. โดนด่าวันนี้ ดีมากยิ่งกว่าโดนดุตอนอายุ 50

ด้วยความที่อายุยังน้อย ความหวังจากคนที่อยู่รอบข้างมันเลยน้อยตามไปด้วย ถึงแม้เราจะรู้สึกบีบคั้นสำหรับในการดำเนินการสุดๆแต่ว่าเชื่อเถอะ พวกเราล้มเหลววันนี้ ดีมากยิ่งกว่าพวกเราไปล้มตอนอายุ 50 พี่ๆที่เขาอยู่จนถึง 50-60 ก็ผ่านช่วงเวลาแบบพวกเรามาแล้ว

สิ่งที่อย ากจะชี้แนะเป็น.. ใช้เวลานี้ให้คุ้มค่า พวกเรามิได้อายุ 20 กว่าๆตลอดกาล อย ากทำอะไรทำ อย าถ้อยคำมอะไรโ ง่ๆก็ให้รีบถาม พรีเซ้นแล้วมันห่วยก็พรีเซ้นไปเรื่อยฝึกฝนไปเรื่อยโดนด่าทอในขณะนี้

เ จ็ บ น้อยกว่าโดนดุด่าตอนอายุ 50 มากมาย ถึงแม้จะผิดพลาด ด้วยความยังเด็ก และ อ่อนประสบการณ์ คนจำนวนมากพร้อมจะให้อภัยพวกเราเสมอ ด้วยเหตุดังกล่าว ล้มเหลวเยอะๆเพื่อเก็บเกี่ยวประสบการณ์

วามผิดแผกแตกต่างระหว่าง " สหาย " กับ " เพื่อนร่วมงาน " คืออะไร ที่เค้ากล่าวว่ายิ่งโต ยิ่งหาเพื่อนฝูงย ากก็คงจะจริง สมัยประถม การหาสหายใหม่ไม่ย ากเท่าสมัยมัธยม แล้วก็การหาเพื่อนพ้องในยุคมัธยมก็ไม่อย ากเท่าตอนเข้ามหาวิทย าลัย มันมีความหมายว่ายิ่งเราโตขึ้นเท่าไหร่ พวกเราจะหาเพื่อนพ้องย ากขึ้นแค่นั้น และไม่จำต้องบอกเลยว่าการหาเพื่อนพ้องที่จริงดวงใจคนนึงในสำนักงานมันย ากแค่ไหน


นอกเหนือจากที่จะมีเรื่องมีราวผลตอบแทน อีกทั้งตำแหน่ง เงินเดือน การประมาณ เข้ามาเกี่ยวด้วย หน้าที่หลักของผู้คนเงินเดือนอย่ างเราคือไปปฏิบัติงาน มิได้ไปทำกิจกรรมสานสโมสรหาเพื่อนพ้อง ดังนั้นวันๆพวกเราจึงจะพบแค่สหายร่วมกลุ่ม ซึ่งส่วนมากและจากนั้นก็เป็นการคุยกันเพียงแค่เรื่องงานเท่านั้น

พวกเราโชคดีที่เจอกลุ่มที่ดี คุยได้อีกทั้งเรื่องส่วนบุคคลและก็เรื่องงาน เรียกได้ว่าเป็นทั้งเพื่อน และสหายร่วมงานในครั้งเดียวกัน การมีกลุ่มที่อยู่ด้วยแล้วสนิทใจแบบนี้ พวกเรามีความรู้สึกว่ามันเป็นกำไรชีวิต พย าย ามหาคนเหล่านี้ให้พบในสังคมการทำงาน แล้วพวกเราจะอย ากไปทำงานมากขึ้น ( นิดหน่อยก็ยังดี ) ไม่มีความจำเป็นที่ต้องอยู่กลุ่มเดียวกันก็ได้ แค่ได้พบเห็น

พูดคุยแลกเปลี่ยนความเซ็งก็ดี ให้พวกเราทดลองถามตนเองว่า "ถ้าเกิดเราลาออกจากที่นี่ เรายังจะอย ากนัดคนนี้ทานข้าวอยู่ไหม" ถ้าเกิดคำตอบคือใช่ ยินดีด้วย คุณเจอเพื่อนพ้องจริงๆในสถานที่ทำงานแล้ว

7. หาผู้ที่เป็นมากกว่า " เพื่อนร่วมงาน " ให้พบ แล้วจะอย ากไปทำงานมากขึ้น

ความไม่เหมือนระหว่าง " เพื่อน " กับ " สหายร่วมงาน " เป็นอย่างไร ที่เค้ากล่าวว่ายิ่งโต ยิ่งหาเพื่อนพ้องย ากก็คงจริง ยุคประถม การหาเพื่อนใหม่ไม่ย ากเท่ายุคมัธยม และการหาเพื่อนฝูงในสมัยมัธยมก็ไม่อย ากเท่าตอนเข้ามหาวิทย าลัย มันมีความหมายว่ายิ่งเราโตขึ้นมากแค่ไหน เราจะหาสหายย ากขึ้นเท่านั้น

และไม่ต้องบอกเลยว่าการหาเพื่อนที่แท้ดวงใจคนนึงในสำนักงานมันย ากแค่ไหน นอกจากจะมีเรื่องมีราวผลตอบแทน ทั้งยังตำแหน่ง ค่าตอบแทนรายเดือน การคาดการณ์ เข้ามาเกี่ยวด้วย หน้าที่หลักของคนเราค่าจ้างรายเดือนอย่ างเราเป็นไปปฏิบัติงาน ไม่ได้ไปทำกิจกรรมสานสโมสรหาเพื่อนพ้อง ด้วยเหตุผลดังกล่าววันๆเราก็เลยจะเจอเพียงแค่เพื่อนพ้องร่วมกลุ่ม ซึ่งส่วนใหญ่และจากนั้นก็เป็นการคุยกันเพียงแค่เรื่องงานเพียงแค่นั้น

พวกเราโชคดีที่พบกลุ่มที่ดี คุยได้ทั้งยังเรื่องเฉพาะบุคคลรวมทั้งเรื่องงาน พูดได้ว่าเป็นทั้งเพื่อน และเพื่อนผู้ร่วมการทำงานในครั้งเดียวกัน การมีกลุ่มที่อยู่ด้วยแล้ววางใจแบบงี้ เรามีความรู้สึกว่ามันคือผลกำไรชีวิต

พย าย ามหาคนกลุ่มนี้ให้พบในสังคมการทำงาน แล้วพวกเราจะอย ากไปทำงานมากขึ้น ( นิดหน่อยก็ยังดี ) ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องอยู่กลุ่มเดียวกันก็ได้ แค่ได้พบเจอ พูดคุยแลกความเซ็งดีแล้ว ให้เราลองถามตัวเองว่า "ถ้าเกิดเราลาออกจากที่นี่ เรายังจะอย ากนัดหมายคนนี้ทานข้าวอยู่ไหม" หากคำตอบคือใช่ ยินดีด้วย คุณเจอเพื่อนพ้องจริงๆในสถานที่ทำงานแล้ว

8. ต้องเป็น " ลูกจ้างมือโปร "

สรุปสั้นๆตามหัวข้อเลย ถ้าเกิดอย ากบรรลุความสำเร็จ และก็ สุขสบาย จงเป็น " ลูกจ้างมือโปร " ให้ได้ กล่าวง่ายแม้กระนั้นทำย ากนะ เพราะลูกจ้างมือโปรก็คือผู้ที่ตระหนักได้ว่า " พวกเราถูกจ้างมาด้วยค่าแรงงานจำนวนหนึ่ง " ซึ่งพูดได้ว่าบริษัทเค้าต้องการอะไรบางอย่ างจากเราแลกกับค่าตอบแทนนั้นๆ

พวกเราจำต้องทราบดีว่าบริษัทว่าจ้างเรามาทำอะไร รวมทั้ง ทำมันให้ดีมากยิ่งกว่าที่บริษัทคาดหมายหากอยากความรุ่งเรืองในหน้าที่ ถ้าหากงานที่ทำอยู่มีความคิดว่าไม่ตรงกับ skill หรือ passion ของพวกเรา ก็ไม่ควรอดทนทำไป


ควรหางานที่พวกเราทำแล้วพวกเราแฮปปี้รวมทั้งทำได้ดีเพื่อดึงประสิทธิภาพของตัวเองออกมาให้มากที่สุด นอกเหนือจากการที่จะทำให้พวกเราเติบโตในองค์กรแล้ว ยังทำให้เราปรับปรุงตัวเองอยู่ตลอดเวลาและไม่เบื่อด้วย

เมื่อถึงจุดๆหนึ่งเราจะทราบเองว่าควรจะไปทางไหนต่อ รีบหาสายงานที่ชอบให้ได้ตั้งแต่เนิ่นๆแล้วเราจะเป็น Expert ได้เร็วกว่าคนอื่น อายุเท่านี้ไม่ต้องกลัวการลาออก จะลาออกจำนวนกี่ครั้งก็ได้ ถ้าหากท้ายที่สุดพวกเราเจอสายอาชีพที่พวกเรารักแล้วก็อย ากทำ จะเป็นอะไรที่คุ้มมากมาย

แล้วก็ด้วยคอนเซ็ปท์เดียวกัน " พวกเราถูกว่าจ้างมาด้วยค่าตอบแทนปริมาณหนึ่ง " อย่ าทำงานมากเกินกว่าค่าแรงงานจนถึงเกินไป ทุ่มเทได้ แม้กระนั้นควรจะมีคำตอบที่ดีตามออกมาด้วย ดังเช่นได้ปรับค่าจ้างรายเดือน ได้ประเมินดี

หาเวลาอยู่กับบิดามารดา พี่น้องๆบ้ า ง หันกลับไปดูข้างหลังบ้ า งว่าคนที่เป็นบันไดให้พวกเรามายืนจุดนี้ ขณะนี้เค้าคืออะไรกันบ้ า งนะ...? อย่ าลืมว่าบิดามารดาอายุมากขึ้นทุกๆวัน ดูแลสุ ข ภ า พ ท่านด้วย ถ้าหากเดือนไหนมีเงินเหลือก็ตรวจสุ ข ภ า พ ให้แด่คุณแล้วหาเวลาไป มันไม่ทุกข์ยากลำบากหรอก แลกกับความสุขของบิดามารดา
ลูกจ้าง
ขอบคุณบทความจาก https://freelydays.com/13457/