เปิดผลพิสูจน์เจ้ารวย ตายข้างหลังนำไปฝากเลี้ยง

[Fern751]

เปิดผลชันสูตร "เจ้ามั่งคั่ง" สุนัขประเภทปั๊ก ข้างหลังนำไปฝากเลี้ยงที่สถานที่รับเลี้ยงแห่งหนึ่งใน จังหวัดนนทบุรี ได้เพียงแค่ 1 ชั่วโมงแล้วตาย ลั่น เอาการถึงที่สุด

จากกรณี นายพัฒน์ธนฉัตร เครื่องจันทร์ อายุ 36 ปี บุรุษพยาบาล นำหมาพันธ์ุปั๊ก เพศผู้ ชื่อ "เจ้ามั่งคั่ง" อายุ 3 ปี ไปฝากเลี้ยงที่สถานที่รับเลี้ยงแห่งหนึ่ง อ.ปากเกร็ด จังหวัดจังหวัดนนทบุรี แล้วเสียชีวิตลงภายหลังจากฝากเลี้ยงได้เพียง 1 ชั่วโมง ต่อมานายพัฒน์ธนฉัตรได้เข้าแจ้งเหตุดำเนินคดีกับสถานที่รับเลี้ยงดังที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้น กับพนักงานที่ทำหน้าที่สอบสวน สภ.ชัยพฤกษ์ โดยผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ได้สั่งอายัดร่างสุนัขเพื่อนำส่งชันสูตรหามูลเหตุการเสียชีวิตที่แท้จริง ดังที่เสนอข่าวสารไปแล้วนั้นเปิดผลชันสูตร "เจ้ารวย" หมาชนิดปั๊ก หลังนำไปฝากเลี้ยงที่สถานรับเลี้ยงแห่งหนึ่งใน จ.นนทบุรี


ปัจจุบันเมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 24 มี.ค.2566 นายพัฒน์ธนฉัตร ได้เดินทางเข้าหาพนักงานที่ทำหน้าที่ด้านการสอบสวน เพื่อให้ปากคำเพิ่มเติมพร้อมกับนำผลของการพิสูจน์ของหน่วยพิสูจน์โรคสัตว์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ บางเขน ซึ่งตรวจชันสูตรกล่าวว่า หมาตัวดังที่กล่าวถึงแล้วได้เสียชีวิตลงจากสภาวะหัวใจแล้วก็เส้นเลือดล้มเหลว โดยเจอภาวะขยายของเส้นโลหิตทั้งร่างกาย โดยเฉพาะส่วนปลาย ได้แก่ ผิวหนัง ซึ่งน่าจะมีต้นเหตุจากภาวะอุณหภูมิในรางกายสูงขึ้นยิ่งกว่าธรรมดารวมทั้งเจอภาวการณ์ไตวายรุนแรงหรือสภาวะฮีทสโตรก


นายพัฒน์ธนฉัตร บอกว่า วันนี้ตนได้นำผลพิสูจน์มามอบให้ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์เพื่อยืนยันสาเหตุการตายของสุนัขตนว่ามาจากความประมาทของเจ้าหน้าที่สถานที่รับเลี้ยง ที่ปลดปล่อยให้หมาตนวิ่งเล่นเป็นระยะเวลานาน ประกอบกับลักษณะอากาศที่ร้อนอบอ้าวจนกระทั่งทำให้สุนัขตนกำเนิดสภาวะฮีทสโตรกแล้วก็เสียชีวิตในเวลาต่อมา ตนกับสถานที่รับเลี้ยงที่นี้ไม่ได้มีเรื่องเคืองโกรธอะไรกันมาก่อน ซึ่งตนยังเคยนำหมามาฝากเลี้ยงไว้ด้วยความเชื่อใจนายพัฒน์ธนฉัตร กล่าวต่อว่าต่อขาน เขาจะมาอ้างว่าเห็นสุนัขของตนเองแข็งแรง เลยปลดปล่อยให้สุนัขวิ่งเล่นกระทั่งเหนื่อยหอบไปนอนข้างอ่างน้ำและก็ยังปลดปล่อยให้วิ่งเล่นต่อในรอบ 2 อีก โดยไม่สังเกตอาการของสุนัขเลย เพียงพอสุนัขตนตายไปแล้วหลังจากนั้นก็ไม่แสดงความรับผิดชอบอะไร บอกแม้กระนั้นจ่ายค่าหมาให้ได้เพียงแต่ 20,000 บาท พร้อมเรียกเอาใบเสร็จค่าสุนัขนายพัฒน์ธนฉัตร กล่าวอีกว่า ซึ่งหากมีการแสดงความรับผิดชอบหรือแสดงความห่วงออกมาบ้าง อุตสาหะสนทนาหาจุดกึ่งกลางกันสำหรับการเจรจา ตนก็อาจไม่มาแจ้งเหตุฟ้องแบบนี้ แม้กระนั้นในเมื่อวันนี้ตนต่อสู้มาถึงขั้นนี้แล้ว ทั้งยังจะต้องจ่ายค่าจัดงานศพ จ่ายค่าตรวจผลชันสูตรแล้ว ตนก็จะดำเนินคดีให้ถึงที่สุดถัดไป เวลานี้เมื่อตนเห็นภาพเจ้ารวยหมาของตัวเองที่เสียไป ตนก็ยังรับไม่ได้กับสิ่งที่เกิดขึ้น


นายพัฒน์ธนฉัตร พูดว่า วันนี้ตนจะไม่ต้องต่อสู้เรียกร้องความยุติธรรมให้กับหมาตนเพียงผู้เดียวแล้ว หลังได้รับการผสานติดต่อกับทาง วอชด็อก ไทยแลนด์ ที่ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือให้คำปรึกษาคดี โดยมีทีมข้างข้อบังคับที่มีความสามารถโดยตรงเข้ามาดูแช่วยเหลือ ตนจำเป็นต้องขอบคุณทางวอชด็อกไทยแลนด์ที่ให้ความใส่ใจกับคดีของตน ไม่มองแค่ว่าสุนัขเป็นเพียงแต่ข้าวของอย่างหนึ่ง โดยทางวอชด็อกได้ผสานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อติดตามคดีด้วย

นายพัฒน์ธนฉัตร กล่าวเพราะว่า เบื้องต้นได้แจ้งเหตุฟ้องกับทางศูนย์รับเลี้ยงหมาแห่งนี้ในข้อหาทำร้ายสัตว์ด้วยการนำสัตว์ไปเอาไว้ภายในที่ที่ไม่มีอากาศหายใจ ส่งผลให้เกิดอาการฮีทสโตรก ตามคำพิพากษาของสัตวแพทย์ เนื่องมาจากทางผู้ประกอบกิจการเกี่ยวกับสัตว์เลี้ยงมีหน้าที่ที่ต้องรู้ดีว่าการกระทำต่อสัตว์แบบใดนับเป็นการข่มเหงโดยชอบด้วยกฎหมาย จะกล่าวถึงว่าไม่เคยรู้ไม่ได้ เหมือนกับพลเมืองซึ่งมีบทบาทจำเป็นต้องทราบกฎหมาย จะอ้างว่าไม่เคยรู้ไม่ได้เหมือนกัน


นายพัฒน์ธนฉัตร กล่าวต่อว่าต่อขาน นอกจากนั้น ยังได้แจ้งเหตุในข้อหาทำให้เสียเงินเสียทองเพิ่มเติมอีก 1 ข้อหา เพื่อใช้สิทธิในการเรียกร้องค่าเสียหายตามราคาของจิตใจจากการสูญเสียสัตว์อันเป็นหวานใจแล้วก็มีค่า ดุจคนในครอบครัวกับทางเจ้าหน้าที่สอบสวนแล้ว

ด้าน ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ก็เลยได้เก็บหลักฐานทั้งหมดทั้งปวง เพื่อจัดเตรียมออกหมายเรียกให้ทางศูนย์รับเลี้ยงสุนัขแห่งนี้เดินทางมารับทราบข้อกล่าวหาถัดไป
มูลนิธิวอชด็อกไทยแลนด์
ขอบคุณบทความจาก https://freelydays.com/13268/