7 แนวทางสอนลูกให้เชื่อฟังพ่อแม่และไม่ต้านเมื่อลูกเริ่มโต

[deam205]

ยิ่งลูกโตขึ้น การที่พวกเราจะหวังลูกให้เป็นเด็ กเชื่อฟังสอนง่าย เป็นเรื่องย ากมาก เพราะว่าลูกเริ่ม

มีความคิดเป็นของตัวเอง ครั้งคราวก็พึงพอใจสิ่งที่อยู่ข้างหน้ามากยิ่งกว่า


ครั้งคราวลูกก็ไม่อย ากคุย ไม่อย ากทำในสิ่งที่พ่อแม่ปรารถนาสักเท่าไรนัก


เพราะฉะนั้นจึงใช้ขั้นตอนการทำหูทวนลม เพิกเฉยต่อคำพูดของพ่อแม่ และมันบางทีอาจเอามาสู่ การมีปัญหากันได้

1. กล่าวหาอะไร ที่ทำให้เขาไม่เชื่อฟัง

หากลูกเป็นเด็ กที่ไม่เชื่อฟัง บางครั้งอาจจะเกิดขึ้นได้ก็เพราะกำลังโก รธ เศร้าใจ

หรือต้องการที่จะให้บิดามารดาเอาใจ สิ่งที่ควรจะทำ คือ เสวนาและก็ หาคำตอบ ว่าเพราะอะไรเพราะอะไร

ลูกไม่เชื่อฟังและบอ กรักลูกให้ลูกไว้ว่า มีบิดามารดาอยู่ข้างๆเสมอนะ

และก็ดังนี้พึงสังเกตทัศนคติแนวทางคิดด้วย รวมถึงการพูดของลูก ก็เพื่อจะเข้าใจลูกมากเพิ่มขึ้นด้วยนั่นเอง

2. สอนด้วยการ ใช้แนวทางแบบเข้าใจง่ายๆ

ด้วยเหตุว่าเด็ กอาจจะยังแบบว่า ฟังประโยคย าวๆพร้อมกันไม่รู้เรื่อง สิ่งที่ควรจะทำนั้นคือ

ใช้เทคนิคสอนเขา ให้จำง่ายขึ้น ดังเช่นว่า มีมือเอาไว้ช่วย ไม่ใช่เพื่อเอาไว้ตำหนิ หรือ กล่าวให้ตื่นเต้น


ตัวอย่างเช่น วันนี้ทำอะไรที่สถานที่เรียนบ้ าง หลี กเลี่ ยงคำว่า ไม่ หรือ ห้าม เพราะเหตุว่าทำให้ลูก


ไม่อย ากทำต าม เป็นต้นว่า ห้ ามดื้อ ก็ควรจะกลายเป็น แม่ชอบลูก ในขณะที่เชื่อฟังแม่ที่สุดเลยคะ

ยิ่งไปกว่านี้ บิดามารดาอาจเปลี่ยนมาใช้การให้ขาแน น เพื่อให้ลูกมีเป้าหมาย ในการเชื่อฟังมากขึ้นเรื่อยๆก็ได้นะ

3. สอนด้วยคำกล่าว สายตาแห่งความรัก

เวลาใดที่ลูกทำผิด คุณอาจจะทนไม่ไหวที่จะตะคอ กลูก จากคำพูดแร งๆของคุณ

ทั้งยังไม่สนใจฟังในสิ่งที่ลูกอย ากอธิบายด้วย และการเสียงดัง การตะคอ กนั้นมันอาจจะทำให้

ลูกสงบลงได้ก็จริงนะ แต่ถ้าว่าในอนาคต ลูกก็จะทำอีกอยู่ดี ด้วยเหตุนั้นแล้ว สิ่งที่ควรทำหมายถึงเริ่มจากดึงความพอใจ

ลูกด้วยการ เรียกชื่อลูกใช้คำพูดง่ายๆให้ลูกทวนในสิ่งที่ทำ ใช้น้ำเสียงที่หนักแน่น แต่ว่าไม่ดุเดือด

ให้ท่านลองเปลี่ยนแปลง เป็นบอ กทางป้องกั น ขจัดปัญหาจะดีกว่านะ นอ กจากคำบอกเล่ากับน้ำเสียงแล้ว

ภาษากาย ก็มีส่วนสำคัญที่จะทำให้ลูกรับฟังมากขึ้น บอกกับเขาดีๆพูดด้วยสายตาแห่งความรัก แล้วคุณจะเข้าดวงใจลูกเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

4.ฟังสิ่งที่ ลูกจะบอก

เนื่องจากบางคราว สิ่งที่พ่อแม่คิด มันก็ไม่ได้ถูกเสมอหรอกนะ เนื่องจากว่าเด็ กแต่ละคน

พวกเขาก็มีความคิดเป็นของตนเอง และก็สิ่งที่ควรจะทำเป็นถามให้ทราบดีว่าลูกคิดอะไรทำไปเพื่ออะไร


แล้วก็มีอะไรอยู่ในใจ แล้วหลังจากนั้นต้องตั้งใจฟังสิ่งที่ลูกบอก เพื่อช่วยทำให้ลูกผ่อ นคล า ยความกังวลได้

5. สอนด้วย การมีข้อตกลง ระหว่างกัน

ถ้าว่านะเด็ กทุกคน ก็มีอะไรที่ถูกใจ ที่เกลียดชังของตนเหมือนกันนะ และบ่อยครั้ง ที่คุณให้ลูก

ทำสิ่งที่เกลียด นานจนถึงลูกเริ่มไม่เชื่อฟัง และก็สิ่งที่ควรจะทำนั้นเป็นเด็ กวัย 2-3 ขวบ เป็นวัยที่การต่ อต้ าน

โดยเหตุนี้ ทดลองให้ข้อเสนอ เพื่อเป็นข้อตกลงร่วมกันดูสิ เพื่อลดการโต้แย้งหรือการเชิญสมุทร า ะลงได้

6. สอนลูก จากการเป็นแบบอย่ าง

ในตอนวัยเด็ ก เขาชอบลอ กเอาอย่าง พฤติก ร ร มของคนสนิท

และไม่สามารถแยกประเภทได้ ว่าอะไรไม่ควร อะไรควรจะ มันก็เลยทำให้บ่อยมากลูกเผลอเลียน พฤติก ร ร ม

ที่มันไม่ดีของคนแก่ เมื่อถูกว่ากล่าวและต่อว่าต่อขานลูกก็เลยไม่เข้าใจว่า เพราะเหตุใดพ่อแม่ยังทำได้เลยล่ะ

และกระบวนการทำให้ลูกเกิดความข้องใจ รวมทั้งบิดามารดาไม่ชี้แจงนั้น มันก็เป็นต้นเหตุ

ที่ทำให้ลูกเริ่มไม่เชื่อฟังบิดามารดา รวมทั้งสิ่งที่ควรทำนั้นเป็นลูกเรียนรู้จาก

ความประพฤติปฏิบัติได้ดีมากว่าคำกล่าว เพราะเหตุว่าถ้าอย่างนั้น คุณพ่อและก็รวมทั้งคุณแม่ต้องเป็นตัวอย่ างให้ลูกเห็น ว่าอะไรทำเป็น อะไรไม่ควรทำ

7. สอนลูก ใช้สมอง แก้ไขปัญหาด้วยตัวเองได้

เนื่องจากว่าประโยคคำบัญชานั้น มันก็ทำให้ลูกรู้สึกว่า ตัวเองไม่ได้การเอาซะเลยจ๊า

ทำอะไรก็ไม่ดี ทั้งนี้มันก็ส่งผลต่อให้ลูกปราศจากความเชื่อมั่นในตัวเองซะงั้น อีกทั้งบางทีอาจแปลงเป็นคนไม่แน่ใจไปเลย

ไม่กล้าที่จะคิดเริ่มอะไรใหม่ๆสิ่งที่ควรทำนั้นเป็นต้องฝึกให้ลูกใช้สมองและขจัดปัญหาด้วยตัวเอง

เช่น ไหนลูกทดลองคิดสิว่าจะเอาตุ๊กต าตัวนี้ ไปเก็บไว้ไหนดีนะ และนอกเหนือจากนี้ควรหา

กิจก ร ร มบันเทิงใจๆทำด้วยกันกับลูกเมื่อคุณพ่อและก็รวมทั้งคุณแม่ เห็นลูกทำไม่ถูก


จะได้สอนลูกให้คิดแก้ปัญหา แทรกเรื่องของคุณงามความดี จรรยาบรรณไปได้ด้วย โตมาเขาจะได้เป็นคนมีคุณภาพ
เชื่อฟัง
ขอบคุณบทความจาก https://freelydays.com/12945/